ลดปัญหา ริมฝีปากแห้ง ด้วยการสครับจากธรรมชาติ

ปัญหา ปากแห้งแตก นับว่าเป็นปัญหาที่รบกวนจิตใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากปากเป็นอวัยวะที่ทุกคนจะใช้บ่อยที่สุดและคนอื่นสามารถมองเห็นได้ง่าย โดยใช้ทั้งการรับประทานอาหารก็จะผ่านปากก่อน ใช้ในการพูดคุยคนที่พูดด้วยก็จะมองเห็นปากได้อย่างชัดเจน ถ้าหากคุณเป็นคนที่ปากแห้งก็จะทำให้เสียความมั่นใจ เพราะคนที่พูดคุยด้วยอาจจะทักเรื่องที่ ริมฝีปากแห้ง มากเกินไปทำให้เสียความมั่นใจได้ เพราะฉะนั้นควรจะทำให้ปากของคุณห่างไกลจากปัญหาปากแห้งจะดีที่สุด

วิธีการที่ทำให้ไม่เกิดปัญหาปากแห้งนั้นมีหลากหลายวิธี ทั้งการดื่มน้ำเปล่าสะอาดจำนวนมากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก การทาลิปบาล์มเพื่อให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการเลียริมฝีปาก ซึ่งวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีในการแก้ปัญหาปากแห้งแบบเบื้องต้น ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาปากแห้งได้ เพราะฉะนั้นจะต้องทำการสครับริมฝีปากเพื่อช่วยแก้ปัญหาอย่างล้ำลึกพร้อมทั้งบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื่นเพิ่มมากขึ้น

สูตรสครับปากป้องกัน ริมฝีปากแห้ง

สำหรับคนที่กำลังพบเจอกับปัญหา ริมฝีปากแห้ง สามารถเลือกสูตรสครับที่เหมาะสมไปใช้กับริมฝีปากของตนเองได้ และควรเลือกสิ่งที่ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้จะดีที่สุด

สูตรที่ 1 น้ำผึ้งผสมเบกกิ้งโซดา

สำหรับสูตรที่ 1 ใช้สครับปากเนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะรับประทานเข้าไปโดยตรง หรือจะนำมาทำเป็นสครับก็สามารถช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณนั้นได้ ส่วนเบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยในการกำจัดเนื้อเยื้อที่ตายแล้วออกจากริมฝีปากได้ ริมฝีปากแตก ทําไงดี วิธีการทำสครับก็สามารถทำได้ง่ายเพียงแค่ นำน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมกับเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน และนำมาทำการสครับที่ริมฝีปาก โดยการทาวนไปประมาณ 1 นาที และทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะสามารถสังเกตได้ว่าเนื้อเยื่อที่ตายแล้วที่อยู่ริมฝีปากได้หลุดออกไป เมื่อทำการสครับเรียบร้อยแล้วควรจะทาลิปบาล์มเพื่อการบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นด้วย

สูตรที่ 2 นมสดผสมกับผงขมิ้น

สำหรับสูตรที่ 2 คือการนำนมสดมาผสมกับผงขมิ้น ซึ่งคุณสมบัติของนมสดนั้นสามารถช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงได้เป็นอย่างดีจึงนำมาใช้ในการแก้ปัญหา ริมฝีปากแห้ง ส่วนผงขมิ้นมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป พร้อมทั้งช่วยบำรุงอย่างล้ำลึก วิธีการทำคือนำนมสดรสจืดเท่านั้น จำนวน 1 ส่วน 4 มาผสมกับผงขมิ้นจำนวน 1 ช้อนชาและคนให้เข้ากัน เมื่อเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้นำมาทาบริเวณริมฝีปากพร้อมกันทำการนวดอย่างเบามือประมาณ 30 วินาที และทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที หลังจากนั้นให้ทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะสามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ควรทำเป็นประจำเพื่อให้ปากนั้นอมชมพู หลังจากทำการสครับแล้วควรทาลิปบาล์มบำรุงปากเป็นประจำ

สูตรที่ 3 น้ำมะนาวผสมกับน้ำตาลทราย

สำหรับสูตรที่ 3 เป็นสูตรสครับที่วัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นสามารถหาได้ง่ายจากในบ้าน ริมฝีปากแตก ทําไงดี เชื่อว่าทุกบ้านจะต้องมีน้ำตาลทรายและมะนาวอยู่ในบ้านอยู่แล้ว ซึ่งคุณสมบัติของน้ำมะนาวจะช่วยในการย่อยสลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วเพราะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ อีกทั้งในน้ำมะนาวยังมีวิตามินซีที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่เซลล์ผิวบริเวณนั้นได้ ส่วนน้ำตาลทรายจะทำหน้าที่ในการขัดสิ่งสกปรกออกจากริมฝีปาก วิธีการในการทำสครับคือนำน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำตาล 1 ช้อนชาคนให้เข้ากัน และนำมาทาบริเวณริมฝีปากทำการขัดวนไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1 นาทีและทำการล้างออกจากบริเวณริมฝีปาก จะสามารถสังเกตว่าปากเริ่มมีสีชมพูมากขึ้น 

สูตรที่ 4 ผงกาแฟผสมน้ำตาลทรายผสมกับวาสลีน

สำหรับสูตรที่ 4 เป็นสูตรสครับที่ใช้วัตถุดิบถึง 3 อย่างได้แก่ ผงกาแฟ น้ำตาลทราย และวาสลีน ซึ่งคุณสมบัติของผงกาแฟจะช่วยในการกำจัดสารพิษหรือสารตกค้างที่อยู่บริเวณริมฝีปากรวมไปถึงสิ่งสกปรกที่อาจจะตกค้างอยู่ได้ ส่วนน้ำตาลจะช่วยในการขัดสิ่งสกปรกออกจาบริเวณที่ทำการขัดรวมไปถึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปากได้ และวาสลีนเป็นปิโตรเลียมเหลวที่ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก วิธีการทำสครับคือนำผงกาแฟ 1 ส่วนจาก 4 มาผสมกับน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา และผสมกับวาสลีนครึ่งช้อนชา คนให้เข้ากันและนำมาทาที่บริเวณริมฝีปาก ขัดอย่างเบามือ 30 วินาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงแค่นี้ก็สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปากและลดปัญหา ริมฝีปากแห้ง ได้

สูตรที่ 5 น้ำผึ้งผสมกับเกลือ

สำหรับสูตรที่ 5 จะใช้วัตถุดิบเพียงแค่ 2 อย่างได้แก่น้ำผึ้งและเกลือที่มีอยู่ในบ้าน ควรจะใช้เป็นเกลือเม็ดเล็กหรือเกลือละเอียดจะทำให้ได้ผลดีและไม่บาดริมฝีปาก ซึ่งคุณสมบัติของน้ำผึ้งจะช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก ส่วนคุณสมบัติของเกลือจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกจาก ปากแห้งแตก ได้ วิธีการทำสครับคือนำเกลือปริมาณครึ่งช้อนชาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาคนให้เข้ากันและนำมาทาบริเวณริมฝีปากพร้อมทั้งทำการขัดอย่างเบามือ 30 วินาที และทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาดก็จะสามารถกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก พร้อมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปากได้

สูตรที่ 6 น้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะพร้าวผสมน้ำตาล

สำหรับสูตรที่ 6 เป็นการนำน้ำผึ้ง มาผสมกับน้ำมันมะพร้าวและน้ำตาลทรายที่มีอยู่ในบ้านและใช้ในการประกอบ อาหาร ซึ่งคุณสมบัติของน้ำผึ้งและน้ำมันมะพร้าวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก ส่วนคุณสมบัติของน้ำตาลจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมโทรมออกจากริมฝีปากได้เป็นอย่างดี วิธีการทำสครับคือน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนชา และน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา นำทั้งสามส่วนมาผสมให้เข้ากันและนำไปทาบริเวณริมฝีปาก ขัดอย่างเบามือประมาณ 30 วินาทีและทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น ควรทำเป็นประจำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะทำให้ริมฝีปากนุ่มและมีความชุ่มชื้น 

สูตรที่ 7 ผงกาแฟผสมน้ำมันมะกอก

สำหรับสูตรที่ 7 เป็นการนำผงกาแฟมาใช้ในการสครับริมฝีปาก โดยผสมกับน้ำมันมะกอก ซึ่งคุณสมบัติของผงกาแฟจะช่วยในการกำจัดสารพิษหรือสารตกค้างที่อยู่บริเวณริมฝีปากรวมไปถึงสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บริเวณริมฝีปากให้หลุดออก ส่วนน้ำมันมะกอกจะเพิ่มวิตามินที่สำคัญต่อการบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก วิธีการทำสครับคือนำผงกาแฟประมาณ 1 ช้อนชาผสมกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชาคนให้เข้ากัน นำมาทาบริเวณริมฝีปากทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีและทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด เว็บผู้หญิง จะสามารถสังเกตเห็นว่าริมฝีปากนั้นมีความนุ่มและชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น 

การทำสครับทั้ง 7 สูตรเป็นการนำธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในบ้านนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำสครับ และยังมีวิธีการทำที่ง่าย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลริมฝีปากของตนเอง สามารถทำได้ง่ายเพียงแค่ 3 ขั้นตอนเท่านั้น คือการผสม การขัดและทา การล้างออกด้วยน้ำสะอาดเท่านี้ก็จะช่วยลดปัญหา ริมฝีปากแห้ง ให้กลับมามีความชุ่มชื้นได้

สำหรับคนที่กำลังมีปัญหา ปากแห้งแตก และลอก ควรเลือกทำการสครับปากอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมโทรมให้หลุดออกจากริมฝีปากและยังช่วยในการบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้น นอกจากจะต้องทำการ

สครับแล้วยังต้องทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้นด้วย และควรทาลิปบาล์มเป็นประจำจะดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาปากแห้ง